ยา รักษา เอดส์

#ยารักษาเอดส์
#HealthCenter
#https://www.youtube.com/channel/UCBrcRt7scwPT3khbRoLHoiA

ถ้าผู้ติดเชื้อตัดสินใจรับประทานยาต้านต้องเตรียมตัวรับมือกับยาต้านในช่วง 3 เดือนแรกอย่างไรบ้าง?
1. ประเมินใจตัวเองว่าพร้อมหรือยังที่จะเปิดเผยตัวต่อเจ้าหน้าที่ และพร้อมกินยาอย่างต่อเนื่องทุกวันและตลอดไป
2. ประเมินความพร้อมด้านการเงิน และค่าใช้จ่ายในการรับยา แต่เนื่องจากในปัจจุบันเราสามารถรักษาได้ฟรีโดยใช้สิทธิต่าง ๆ ทั้งสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิทธิประกันสังคม และสิทธิข้าราชการ ประเมินตัวเองว่าเราสามารถใช้สิทธิในการรักษาพยาบาลแบบใด และหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้สิทธินั้นของตัวผู้ป่วยเอง
3. หาความรู้เรื่องการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี ที่จะกิน รู้สูตรยา รู้อาการข้างเคียง รู้คุณโทษในการกินยาระยะยาว รู้ว่าเมื่อกินยาตัวนั้นแล้ว ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดที่จะไปลดฤทธิ์ยา หรือไปเพิ่มฤทธิ์ยา หรือถ้าจะกินสมุนไพรควรคู่ไปด้วย ควรหลีกเลี่ยงสมุนไพรตัวใดหรือวิตามินตัวใดที่ไม่ควรกินพร้อมกับการกินยาต้านไวรัส
4. วางแผนการดำเนินชีวิตและเตรียมรับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากการกินยา
หัวใจสำคัญของการรักษาด้วยยาต้านไวรัสเอชไอวี
5. เลือกสูตรยาอย่างถูกต้องและเหมาะสม ซึ่งแต่ละคนมีความเหมาะสมแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย การยอมรับได้ในการกินยา และการตัดสินใจของแพทย์ ทั้งนี้ต้องให้ข้อมูลประวัติการรักษาในอดีต เพราะจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยในการป้องกันการดื้อยา และเป็นประโยชน์ในการเลือกสูตรยาให้เหมาะสม อีกทั้งต้องปรับเวลาการกินยาให้เหมาะสมกับวิถีชีวิตประจำวัน
6. ทำความเข้าใจขั้นตอนการกินยาเป็นอย่างดี
มีวินัยในการกินยาตรงเวลา กินเวลาไหนตามสะดวกแต่ต้องเป็นเวลาเดียวกันทุกวัน ระยะห่างระหว่างยาแต่ละมื้อต้องแม่นยำและเหมือนกันทุกวัน เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เชื้อพัฒนาตนเองมาดื้อยาได้ และสามารถควบคุมเชื้อเอชไอวีได้ตลอดเวลา เพราะระดับยาในเลือดคงที่เท่ากันตลอดทุกวันเวลา
- ยาก่อนอาหารต้องกินตอนท้องว่าง และกินก่อนอาหารอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง
- ยาหลังอาหารต้องกินหลังจากที่มีอาหารกระเพาะอาหาร เพราะจะทำให้ยาถูกดูดซึมได้ดีและป้องกันการระคายเคืองของกระเพาะอาหาร
- ยาก่อนนอนมักเป็นยาที่มีผลทำให้ง่วงนอน หรือเวียนศีรษะ มึนงงต้องกินก่อนนอน
การกินยาต้องมีการดูแลร่างกายอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เริ่มต้นรักษาไปตลอดการรักษา เพราะยาไม่ได้ทำให้เชื้อไวรัสหมดจากร่างกาย แต่ช่วยยับยั้งไม่ให้เชื้อเพิ่มจำนวนขึ้น จึงต้องกินยาเพื่อควบคุมเชื้อตลอดไป ยาอาจมีผลกระทบต่อร่างกายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว จึงต้องมีการติดตามผลการรักษาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

#อาการผิดปกติที่เกิดจากการกินยาต้านไวรัส
1. การแพ้ยา
ถ้าแพ้ยาไม่รุนแรง อาจมีไข้ มีผื่นลมพิษ เยื่อบุอ่อนพองบวม เช่น เยื่อบุตา เยื่อบุปาก หายใจขัดหรือหอบ
การแพ้ยารุนแรงจะเกิดการช็อค หายใจไม่ทัน ขาดอากาศ หมดสติได้ ดังนั้น เมื่อทราบว่าเคยมีประวัติแพ้ยา ควรบอกแพทย์หรือเจ้าหน้าที่ดูแลก่อนรับยาต้านไวรัสเอดส์
2. อาการข้างเคียงจากการกินยาต้านไวรัสเอดส์
อาการข้างเคียงในระยะสั้นและไม่รุนแรง พบได้และอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น ภายในเวลาประมาณ 2 - 3 เดือน เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ท้องอืด นอนไม่หลับ ฝันร้าย มีผื่นขึ้นเล็กน้อย
อาการข้างเคียงในระยะสั้นและรุนแรง เช่น ภาวะซีด ตับหรือตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน ชาปลายมือปลายเท้า นิ่วในไต ซึ่งอาจพบได้ทุกช่วงของการกินยา และอาจทำให้เสียชีวิตได้ถ้าไม่รีบแก้ไข ดังนั้น ต้องติดตามอาการเหล่านี้อย่างใกล้ชิด โดยการตรวจสุขภาพและผลวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการเป็นระยะ โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคตับอักเสบ หรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ ที่อาจเกี่ยวข้องได้ ต้องให้ข้อมูลแก่แพทย์ให้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของตนเอง
อาการข้างเคียงในระยะยาว มักพบหลังจากกินยาเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่ตั้งแต่ 1 ปี ขึ้นไป บางรายพบได้ในระยะเวลาไม่ถึง 1 ปี อาการข้างเคียงในระยะยาว เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ทำให้หิวน้ำบ่อย ปัสสาวะบ่อย การกระจายและสะสมของไขมันผิดปกติและผิดที่ มีไขมันพอกที่ต้นคอ ลำตัวอ้วน แขนขาลีบ แก้มตอบ เป็นต้น

.........................................................................................
ปรึกษาปัญหาสุขภาพเพิ่มเติมและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์งานวิจัยได้ที่:
☎ 089-986-1792