อาการ ผื่นคัน ผิวหนัง เกิด จาก ภูมิแพ้

#อาการผื่นคันผิวหนังเกิดจากภูมิแพ้

#HealthCenter
#https://www.youtube.com/channel/UCBrcRt7scwPT3khbRoLHoiA

อาการ “แพ้” ทางผิวหนัง ผื่นคันและลมพิษ

ถ้าถามว่าโรค “แพ้” เป็นอย่างไร ทำไมถึงแพ้ มีกลไกเช่นไร ก็ต้องบอกว่าโรค “แพ้” มีหลายอย่าง แต่ส่วนใหญ่โรคแพ้ทางผิวหนังมักจะเห็นเป็น ผื่นคัน มีตุ่มน้ำ จุดแดงเล็กๆ ปรากฏขึ้นตามตัว บางครั้งจะเห็นลักษณะเป็นหนังแห้งกว่าปกติ เป็นขุยๆ เป็นสะเก็ด คัน มีรอยเกา

ถ้าถามว่าทำไมแพ้ ก็บอกง่ายๆ ว่า เพราะไม่มีภูมิคุ้มกัน ไม่มีแรงต้านทาน คนทั่วไปที่เขาไม่แพ้ เพราะเขามีภูมิคุ้มกัน มีแรงต้านทาน คนไข้บางคนมักถามว่า โรคนี้คือโรคน้ำเหลืองเสียใช่ไหม ซึ่งก็ตอบได้ว่า จะว่าเช่นนั้นเพื่อให้เข้าใจง่ายก็พอได้เหมือนกัน หมอเคยถามคนไข้ว่าที่ว่าน้ำเหลืองเสีย หมายความว่าอย่างไร คนไข้บอกว่า ลูกผมน้ำเหลืองเสียเพราะถูกยุงกัดนิดเดียว แต่เป็นตุ่มคันไปทั้งขา ลูกคนอื่นเขาถูกยุงกัดเป็นกอง เห็นเป็นแค่จุดแดง หมอที่รักษาบอกว่า ถ้าเช่นนั้นจะว่าน้ำเหลืองเสียก็ได้เหมือนกัน แต่ถ้าพูดว่าแพ้น้ำลายยุง ก็จะชัดที่สุด

คนที่เป็นโรคแพ้นั้น อาจจะมีสื่อที่จะทำให้เกิดการแพ้ได้ตั้งแต่ปู่ ย่า ตา ยาย และพ่อแม่ คือ เป็นกรรมพันธุ์ ในคนพวกนี้ จะพบว่ามีญาติพี่น้องเคยเป็น หรือเป็นหวัดจามทั้งปี หรือโพรงจมูกอักเสบบ่อยๆ หรือเป็นหืด ลมพิษ ปากบวม ตาบวม อาการทางผิวหนังของคนพวกนี้ จะเห็นเป็นผื่นแดง ผิวหนังแห้ง ชอบเกา ถ้าเป็นเด็กจะซนอยู่ไม่สุก เราเรียกคนพวกนี้ว่าเป็นโรค “อะโทบีค” สาเหตุที่แพ้เก่ง ก็เพราะมีโปรตีนชนิดภูมิแพ้อยู่ในตัวมากไปหน่อย เรียกว่า “อิมมูนโน โกลบลูลิน อี” หรือย่อว่า “ไอ.จี.อี.”

เวลาถูกต้องกับสิ่งที่แพ้เข้า เช่น อาหาร ละอองเกสร ฝุ่น ก็จะมีปฏิกิริยาระหว่างสารเหล่านี้กับ ไอ.จี.อี. ทำให้เกิดเป็นโรคแพ้ผื่นคัน หวัดจามทั้งปี หรือไข้ละอองฟาง หืด หรือลมพิษ

วิธีการดูแลรักษาทั่วไป

คือ แนะนำและการใช้ยา ต้องแนะนำให้หลีกเลี่ยง และสังเกตสาเหตุของอาการแพ้ และอาการคัน เช่น ถ้าคันหลังอาบน้ำก็ไม่ควรอาบน้ำบ่อย บางคนแพ้ฝุ่นก็ไม่ควรถูกฝุ่น ไม่ควรถูกแดดร้อน หรืออากาศเย็นมาก เสื้อผ้าที่เป็นขนไม่ควรใช้ แป้งฝุ่นต่างๆ ควรงดไว้ก่อน และหากเด็กยังไม่เคยปลูกฝี ก็ควรจะเว้นไว้ จนกว่าหมอเด็กจะเห็นสมควร สบู่ควรใช้สบู่ครีม สบู่อ่อน

ลมพิษ

ก็เกี่ยวกับการแพ้เหมือนกัน โดยมากเกี่ยวกับการสูดดม กินอาหารหรือฉีดยาที่เป็นสาเหตุเข้าไป พวกที่เป็นลมพิษแล้วมีอาการบวมที่ตา ปาก ควรระวังเยื่อบุผิวของทางผ่านอากาศ เข้าสู่ปอด อาจจะบวมด้วย เกิดหายใจลำบาก หายใจขัดได้

ลักษณะของลมพิษ คือ เป็นวงแดง รูปร่างต่างๆ กันเหมือนเอาลิปสติกผู้หญิงมาขีดวงไว้บนผิวหนังเป็นกลมบ้าง รีบ้าง รูปหยักบ้าง คล้ายวาดแผนที่ไว้บนตัว เนื้อภายในวงจะนูนเล็กน้อย และมีสีซีดกว่าขอบ อาการสำคัญคือ คันมาก คนไข้มักจะบอกว่า พอเกาตรงไหน ก็เป็นผื่นแดงขึ้นมาตรงนั้น ผื่นคันพวกลมพิษนี้มักจะเกิดอยู่ 3-4 ชั่วโมงและหายไปเอง หรือเกิดขึ้นใหม่ได้อีก จะเป็นๆ หายๆ อยู่ในระยะไม่เกิน 2 เดือน เรียกว่า “ลมพิษชนิดเฉียบพลัน” ถ้าเป็นอยู่นานกว่านี้เรียกว่า “ลมพิษชนิดเรื้อรัง” ลมพิษชนิดเรื้อรังเป็นอยู่ได้เป็นปีๆ

สาเหตุของลมพิษ มีมากมายหลายชนิด กลไกที่ทำให้เกิดเป็นผื่นขึ้นมา จึงเป็นเรื่องซับซ้อนอธิบายกันว่า เมื่อสิ่งใดที่ทำให้เกิดลมพิษได้มาถูกผิวหนัง หรือถูกนำเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นโดยการกิน การดมสูดเข้าไป หรือฉีดเข้าไป (ไม่จำเป็นต้องฉีดยา) ตัวอย่างเช่น มดกัด ในคนที่แพ้ก็จะเกิดปฏิกิริยาขึ้นในร่างกาย เกิดการขับสาร ชื่อ ฮีสตามีน (สารแพ้) ออกมาจากเซลล์ในชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้ผนังเส้นเลือดพองขยายตัวออก น้ำเหลืองและโปรตีนหลุดออกมา เกิดรอยนูนแดง และคันขึ้นบนผิวหนัง ว่ากันว่า สารเคมีอีกบางชนิด เช่น “บราดิไคนิน” “โปรสแกลนดิน” และ “เสโรโตมิน” ก็มีส่วนร่วมในปฏิกิริยานี้เช่นกัน

สาเหตุของลมพิษก็มีหลายอย่าง เช่น พวกทำให้เกิดการแพ้ คือ อาหาร ยา ซีรั่ม พิษสัตว์ ขนแมว ขนหมา อาหารทะเล ไข่ ส้ม ขนมจีน เป็นต้น สิ่งแวดล้อมทั่วร่างกายก็ทำให้เกิดลมพิษได้ เช่น แดด ความร้อน ความเย็น น้ำ น้ำแข็ง การกด การยกน้ำหนัก เป็นต้น โรคในร่างกายก็ทำให้เกิดลมพิษได้ เช่น มะเร็ง ฟันผุ หูเป็นน้ำหนวก พยาธิลำไส้ แม้แต่ไม่เป็นอะไรเกิดหงุดหงิดคิดมาก ก็เป็นลมพิษได้เหมือนกัน

ยาก็เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการแพ้ทางผิวหนัง

อาการแพ้จากยา ไม่ใช่ฤทธิ์หรือสรรพคุณของยาโดยตรง แต่เป็นปฏิกิริยาเชิงซ้อนที่ร่างกายโต้ตอบออกมา หรือกลไกอย่างอื่น เช่น กรรมพันธุ์ ยาที่มักจะแพ้กันบ่อยๆ ก็คือ เพนนิซิลลิน และแอสไพริน ลักษณะของการแพ้ยากินมีหลายอย่าง เช่น เป็นผื่น เป็นจุด ลมพิษ คันเป็นวง และอื่นๆ อีกมาก จนมีผู้แนะนำว่าหากมีคนเป็นโรคผิวหนังมาหาก็ให้นึกถึงโรค 3 โรคที่แสดงอาการได้หลายอย่าง ก่อนอื่นนั่นคือ การแพ้ยาโรคซิฟิลิส และโรคแพ้จากการสัมผัส

โรคแพ้จากการสัมผัส (Contact dermatitis) หมายถึง อาการผื่นคันทางผิวหนังที่เกิดขึ้น หลังจากได้สัมผัสถูกต้องกับสิ่งของภายนอกร่างกาย และวัตถุสิ่งนั้นเป็นตัวกระตุ้น ทำให้เกิดอาการทางผิวหนังขึ้น ทั้งนี้ไมได้เกิดขึ้นกับคนทั่วๆ ไป แต่เกิดกับคนบางคน ที่ไม่มีภูมิต้านทานจากสารชนิดนั้นเท่านั้น

การรักษาที่ดีที่สุด คือ แนะนำให้หลีกเลี่ยงตัวเองจากสาเหตุที่ทำให้เกิดการแพ้ หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ให้รักษาตามอาการ ดังกล่าว

............................................................................................
ปรึกษาปัญหาสุขภาพเพิ่มเติมและสั่งซื้อผลิตภัณฑ์งานวิจัยได้ที่:
☎ 089-986-1792